หน้าเว็บ

ปรียนุช นวลละออง

รูปภาพของฉัน
คณะครุศาสตร์ เอก คอมพิวเตอร์ศึกษา รหัสนักศึกษา 52031390160

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

“iPhone ขายดีก็เพราะได้เทคโนโลยีจากซัมซุง“


ซัมซุงชี้แจงศาล “iPhone ขายดีก็เพราะได้เทคโนโลยีจากซัมซุง“

ซัมซุงชี้แจงศาล "iPhone ขายดีก็เพราะได้เทคโนโลยีจากซัมซุง"

ข่าวนี้เป็นเรื่องของคดีฟ้องร้องหนังม้วนยาวของแอปเปิล-ซัมซุง โดยศาลจะเรียกทั้งสองมาไต่สวนคดีเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า ทั้งสองบริษัทต้องส่งเอกสารประกอบการฟ้องร้องเพิ่มเติม ทั้งนี้ผู้สื่อข่าว Ashby Jones แห่ง The Wall Street Journal ได้พบเนื้อหาที่น่าสนใจในเอกสารแจงเหตุผลของฝั่งซัมซุงดังนี้ครับ

ซัมซุงได้วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านอุปกรณ์สื่อสารมายาวนานนับตั้งแต่ปี 1991 และอีกมากในกลุ่มสมาร์ทโฟนจนถึงปัจจุบัน ถ้าพูดตามจริงแล้วแอปเปิลเพิ่งมาเริ่มขาย iPhone หลังจากซัมซุงได้เริ่มพัฒนาโทรศัพท์มือถือถึงเกือบ 20 ปี จึงกล่าวว่าได้ว่าที่ iPhone ขายได้แต่ละเครื่องทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งก็ต้องมาจากสิทธิบัตรเทคโนโลยีด้านต่างๆ ที่ซัมซุงได้ถือครองอยู่นั่นเอง
นอกเหนือจากนี้ยังมีรายละเอียดอื่นที่ซัมซุงยกมา อาทิ การที่สตีฟ จ็อบส์พูดคุยกับโซนี่จนมาเป็นแนวทางการออกแบบ iPhone หรือการอ้างเอกสารภายในแอปเปิลในกลยุทธ์ว่าจะไม่เป็นรายแรกในตลาด แต่จะทำตามสินค้าที่พิสูจน์แล้วว่าขายได้ รายละเอียดฉบับเต็มอ่านได้จากที่มาครับ
ที่มา: WSJ ผ่าน TUAW 

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ธนบัตร รุ่นต่างๆ ในประเทศไทย

เทคนิคแต่งหน้าสวยสดในวันฝนพรำ



เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ช่วงนี้มีสาวๆ หลายคนเรียกร้องกันเข้ามามายมายค่ะ ว่าหน้าฝนแบบนี้จะแต่งหน้ายังไงดีให้ดูสวยสดใสตลอดเวลา ก่อนอื่นคุณสาวๆ ต้องมีใบหน้าที่ดีก่อนนะคะ เพราะถ้าใบหน้าของคุณสาวๆ ไปเปียกปอนกลางสายฝนจนเครื่องสำอางถูกลบเลือนออกไปแล้วต้องโชว์หน้า (หนังหน้าจริงๆ ที่ปิดบังไว้ขึ้นมาละจะทำยังไง?) ดังนั้นเราต้องมีผิวหน้าที่ดีเอาไว้ก่อนจะได้ไม่อายใครๆ และแม้จะผ่านไปกี่ฤดูคุณสาวๆ ก็สามารถสวยใสไปทุกฤดูเลยค่ะ (แม้ไม่ใช่หน้าฝนก็สามารถสวยได้ค่ะ)
เทคนิคง่ายๆ ของบูรินเองใช้เองทำเองส่วนตัว เอามาบอกต่อคุณสาวๆ (ไม่ัรักกันจริงไม่บอกนะคะ ^^) เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการล้างหน้าให้สะอาดทุกครั้ง แล้วใช้ครีมบำีรุงตามสภาพผิวของคุณ มีขัดหน้ามาร์คหน้าบ้างอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง (ขมิ้น - ดินสอพอง ของไทยๆ นี่แหละดีนักแลจะบอกให้) ขั้นตอนง่ายๆ ธรรมดาบ้านๆ แบบนี้ลองทำตามกันดูนะคะ
เอาละค่ะ ในเมื่อเรามีใบหน้าที่ดีแล้วมาเริ่ิมขั้นตอนแต่งหน้าให้สวยเด้งโดดเด่นในฤดูฝนกันเลยค่ะ

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 1 เตรียมผิวหน้าให้พร้อมด้วยการทาครีมบำรุงให้เรียบร้อยลงรองพื้นตามด้วยแป้งฝุ่น

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 2 การแต่งตาค่ะ ในการแต่งตาัวันนี้จะไม่เน้นสีฉูดฉาดมากจะเป็นโทนนู้ดๆ สีนำตาลที่สามารถแต่งได้บ่อยๆ (แต่งได้ทุกวันยังได้เลยนะคะ...บูรินล่ะชอบโทนนี้ที่สุดเลยค่ะคุณสาวๆ) เริ่มจากการลงสีพื้นที่เป็นเฉดใกล้เคียงกับสีผิวลงไปบริเวณรอยพับเปลือกตา ตามด้วยสีน้ำตาลที่เข้มขึ้นกว่าสีผิว 1 เฉด

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 3 เพิ่มความเข้มด้วยสีน้ำตาลที่เข้มขึ้นมาอีก 1 เฉด ทับลงไป แล้วอย่าลืมทาที่ขอบตาล่างด้วยนะคะ จะทำให้ตาคุณสาวๆ ดูกลมโตมากขึ้นค่ะ

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 4 เติมสีเทาเข้มลงไปแล้วเบลนให้ทั่วตามลูกศรในภาพเลยค่ะ ตามด้วยการขายไอลายเนอร์สีดำ(หรือใครที่กลัวตาจะดุจนเกินไป สามารถใช้สีน้ำตาลเข้มได้ไม่ว่ากันนะจ๊ะ)เน้นชิดเส้นขนตานะคะ

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 5 เขียนอายไลเนอร์ที่ขอบตาล่าง โดยเขียนจากหางตาลากยาวมากึ่งกลางของตาพอค่ะ จากนั้นใช้เเปรงหัวฟองน้ำเกลี่ยให้ฟุ้งๆ ดูธรรมชาติ(วิธีการนี้ทำแล้วเหมือนสาวเกาหลีเลยล่ะคะ บูรินลองมาแล้วแจ่มสุดๆ)

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 6 ดัดขนตา ปัดมาสคาร่า (บูรินแนะนำว่า ไม่ควรติดขนตาปลอมนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเจอกับฝน อาจจะทำให้ขนตาปลอมหลุดได้ หมดสวยกันเลยทีเดียว)

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 7 จากนั้นเรามาปัดแก้มกันค่ะ สำหรับลุคนี้แนะนำเป็นสีสมพูสดใสไม่จัดจ้านมาก ปัดเบาๆ เฉียงขึ้นตามแนวใบหน้าชี้ไปทางใบหู (จะดูธรรมชาติสุดๆ เลยค่ะ)

เทคนิคแต่งหน้าในวันฝนพรำ

ขั้นตอนที่ 8 ตามด้วยการทาลิปสติก โดยมีเทคนิคง่ายๆให้เล็กน้อยนั้นก็คือ ทาแป้งฝุ้นทับลงไปก่อนที่จะทาลิปสติก จะทำให้สีลิปสติกติดทนนานมากขึ้นค่ะ ใช้เป็นลิปสติกสีออกโทนชมพูสดใสเฉดสีใกล้เคียงกับปากมากที่สุดจะเริ่ดมากค่ะ
เพียงเท่านี้คุณสาวๆ ก็สามารถมีใบหน้าที่สดใสสวยวิ้งค์แม้วันฝนพรำ...แต่ก็อย่าลืมพกร่มก่อนออกจากบ้านทุกวันนะคะ ^ ^

ขอบคุณภาพประกอบจาก http://huaban.com

คอนเสริต ตุ๊กกี้

http://www.showmax.tv/video/11984/%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95--%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%95-%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%81-%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%81.html

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ลืมไปก่อน iPhone 5 มาจัดเต็มกับ iPhone 6


ลืมไปก่อน iPhone 5 มาจัดเต็มกับ iPhone 6

                  การเดินทางอันสุดแสนยาวนานของ iPhone 5 เชื่อว่าในตอนนี้ ก็เกือบลอดออกสู่ปลายทางอุโมงค์เต็มแก่แล้ว  ซึ่งสิ่งที่แฟนๆ รอคอย และตามลุ้นนอกจากความเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของฟีเจอร์ที่แอปเปิลภูมิใจเสนอแล้ว บรรยากาศของนักทำเซอร์ไพรส์ค่ายนี้ ยังบี้ใจแฟนๆ ให้ติดตาม ว่าหลังจากผลงาน iPhone 4S  สร้างสรรค์ โปรดักส์ใหม่นั้นจะเป็นอะไรที่ซ้ำรอยเดิมหรือไม่ หรืออาจจะเป็น iPhone 6 ผลงานดีไซน์ของ  Antoine Brieux แห่ง NAK Studio


iPhone 6


iPhone 6



iPhone 6



iPhone 6



iPhone 6



iPhone 6



iPhone 6



iPhone 6



ขอบคุณที่มา kapook.com

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ข้อควรรู้เรื่องการนอน


ข้อควรรู้เรื่องการนอน

เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าวิธีพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลับสบายยามหัวถึงหมอน หรือหลับได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ การนอนสำคัญและเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ มากกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณมีอาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หรือง่วงหลับประจำตอนกลางวัน สาเหตุใดที่เป็นปัญหาที่กวนใจแท้จริง และปัญหาใดเป็นความเชื่อผิดๆ กันแน่

ความเชื่อ : ขณะนอนหลับพักผ่อน ร่างกายกับสมองจะหยุดพักไปด้วย
ข้อเท็จจริง : ในขณะหลับร่างกายจะหยุดพักผ่อนตามไปด้วย แต่สมองยังคงทำงานอยู่ การนอนหลับเป็นการลดภาระให้สมองทำงานเบาลง เสมือนว่าได้รับการชาร์ตแบตเตอรี่เพื่อเตรียมพร้อมทำงานในวันต่อไป แต่ก็ยังคงต้องควบคุมการทำงานอวัยวะต่างๆ ของ ร่างกายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นระบบหายใจ ระบบประสาท ฯลฯ

ความเชื่อ : ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องนอนมาก
ข้อเท็จจริง : ไม่จริง ผู้สูงอายุต้องการนอนหลับพักผ่อนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เช่นเดียวกับคนวัยหนุ่มสาวทั่วไป ทั้งนี้อายุที่มากขึ้น ประกอบกับการทำงานของอวัยวะในร่างกายเริ่มเสื่อมไปตามเวลา ทำให้กิจวัตรประจำวันเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลทำให้พฤติกรรมการนอนไม่เหมือนเดิม นอนหลับได้น้อยชั่วโมงลง หรือหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน แต่ไม่ว่านอนหลับได้ไม่เต็มอิ่มอย่างไร ร่างกายก็ยังคงต้องการเวลาพักผ่อนให้ได้ 7-9 ชั่วโมง
 
ความเชื่อ : การนอนหลับพักผ่อนน้อยเป็นประจำ ร่างกายจะชินและไม่ต้องการนอนมากอย่างที่เคย
ข้อเท็จจริง : ไม่จริง เคยมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการนอนว่า ในวัยผู้ใหญ่หากนอนให้ได้ประมาณ 7-9 ชั่วโมงทุกวัน จะส่งผลให้สุขภาพร่างกายโดยรวมดีอย่างน่าทึ่ง หากวันไหนนอนหลับได้ไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะชดเชยชั่วโมงนอนที่ขาดรวมกับชั่วโมงนอนในอีก 2-3 คืนถัดไป ไม่ว่าเราจะนอนน้อยเป็นประจำหรืออดนอนเป็นประจำแค่ไหน ร่างกายไม่มีวันชินหรือยอมรับให้นอนน้อยได้ตลอด เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติการพักผ่อนที่ร่างกายต้องการ

ความเชื่อ : ง่วงหาวตอนกลางวันแสดงว่านอนไม่พอ
ข้อเท็จจริง : จริง สาเหตุของอาการง่วงหาวตอนกลางวันอาจมีส่วนหนึ่งมาจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ แต่ก็อาจเกิดกับคนที่นอนหลับเต็มอิ่มได้ด้วย และถ้าง่วงผิดสังเกตอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามีเรื่องสุขภาพอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้ร่างกายขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่ จำเป็นต้องไปปรึกษาแพทย์ต่อไป

ความเชื่อ : นอนน้อยมีผลต่อน้ำหนัก
ข้อเท็จจริง : จริง หากนอนหลับไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเลปตินและเกรลิน ส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ฮอร์โมนทั้ง 2 ทำหน้าที่มีหน้าที่ควบคุมและสร้างสมดุลความต้องการอาหาร ฮอร์โมนเกรลินถูกผลิตขึ้นในระบบทางเดินอาหาร มีหน้าที่กระตุ้นความอยากอาหาร ในขณะที่เลปตินถูกผลิตในเซลล์ไขมัน ทำหน้าที่ส่งสัญญาณรับรู้ว่าอิ่มไปยังสมอง เมื่อได้รับอาหารพอดีกับความต้องการ ดังนั้นหากนอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลทำให้ระดับเลปตินต่ำลง ร่างกายไม่รู้สึกอิ่มอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้ามฮอร์โมนเกรลินจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายรับประทานอาหารเกินพอดี น้ำหนักก็เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้นการนอนหลับให้เพียงพอประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เป็นการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายที่ดีที่สุด

วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วิธีลดความอ้วน ที่ได้ผล


   ยามที่คุณหลับ กลไกในร่างกายยังคงทำงานอยู่ และในช่วงนี้แหละเป็นโอกาสที่ไขมันจะถูกกำจัดออกไปได้ แถมถ้าควบคุมอาหารสักหน่อย และนอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ คุณอาจลดได้ถึงราว 2.7 กิโลกรัม ใน วันเลยทีเดียว
มื้อเช้า : ยังคงยึดคอนเซ็ปท์ที่ว่ามื้อเช้าสำคัญที่สุด คุณจึงสามารถบริโภคคาร์โบไฮเดรตเพื่อเสริมสร้างพลังงาน อาจเริ่มด้วยมูสลี่สักชาม ตามด้วยแซนด์วิช หรือครัวซองต์สักสองชิ้นก็ยังได้ แต่จำไว้ว่าข้อห้ามคืออย่าทานของกินเล่นใด ๆ ทั้งสิ้นก่อนจะถึงมื้อกลางวัน
มื้อกลางวัน : เน้นโปรตีนจากเนื้อปลาและเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้อล้วนไม่ติดมัน คาร์โบไฮเดรตก็ยังได้อยู่ เมนู ที่เลือกกินได้ก็เช่น ก๋วยเตี๋ยว หรือพาสต้า ผักโขมอบชีสก็ยังอนุโลมอยู่ เน้นพวกผักด้วยสักหน่อยก็ดี และหลังจากมื้อกลางวันไป ของกินเล่นก็ยังถือว่าต้องห้ามอยู่ อดใจรอมื้อเย็นเลยดีกว่า
มื้อเย็น : เพื่อให้การลดน้ำหนักโดยอาศัยการนอนประสบผลสำเร็จ มื้อเย็นจึงต้องประกอบด้วยโปรตีนและผักเท่านั้น ซึ่งทั้งสองอย่างนี้จะช่วยให้การเผาผลาญไขมันในยามที่คุณหลับนั้นมีประสิทธิภาพขึ้นมากเลยล่ะ จึงเป็นกลเม็ดที่ทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น

วันจันทร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เลือกอาหารให้เหมาะกับผิว


โดยปกติทั่วไปแล้วเราได้รับประทานอาหารเข้าไปนั้นเป็นการช่วยเสริมในเรื่องสุขภาพผิวเป็นอย่างมากและเป็นการเสริมจากภายในที่สำคัญ  ดังนั้นแล้วเราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่เพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงและยังช่วยให้เราผิวสวยขึ้น ดูอ่อนกว่าวัยได้  ซึ่งการรับประทานอาหารเข้าไปนั้น  หากคุณมีผิวหรือปัญหาผิวควรที่จะเน้นกับอาหารชนิดใดแบบใด  krabork.com  ของเรานั้นมีคำตอบให้ครับ
                ผิวแห้ง ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะที่ขาดไขมัน  ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ เช่น พริก บักบุ้ง  และไขมันที่พอเหมาะ  อย่างเช่น  นม  นมถั่วเหลือง
                ผิวมัน ควรทานประเภทแครอท  น้ำผักผลไม้ต่างๆ  รวมไปถึงวิตามินบี 2
                จุดด่างดำต่างๆ  ควรทางถั่วต่างๆ  อาหารที่มีกรดโฟลิค  เครื่องในสัตว์  ผักสีเขียว วิตามิน เอ บี 3 และเอ
                ผิวหยาบกร้าน  :  นม  น้ำมันตับปลา  หรืออาหารที่มีน้ำมันจากพืช  ผักใบเขียวต่างๆ 
                ต้องการมีผิวสีชมพู ต้องรับประทานอาหารพวกโปรตีน  เหล็ก ยีสต์ แบคทรีเคิล  ควรรักษาสุขภาพให้แข็แรง  การออกกำลังการด้วย
                ต้องการผิวดูอ่อนกว่าวัย  ควรทานอาหารที่มีวิตามิน ซี ดี อี และสังกะสี ให้มากๆ
                ใต้วงแขนมีเนื้อขรุขระ นั้นเป็นเพราะว่าขาดวิตามมิน อี และ เอ

วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เงิน 10 บาท กับแง่คิดดี ๆ!


เงิน 10 บาท กับแง่คิดดี ๆ!


เงินสิบบาท ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร 
  
ครูคนหนึ่งตั้งคำถามกับเด็กว่า ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร
เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า 7 บาท แต่มีเด็ก 2
  คนที่ตอบไม่เหมือนกับคนอื่น 
คนหนึ่งตอบว่า 2 บาท
 
อีกคนหนึ่งตอบว่า ไม่ต้องทอน
 
ครูถามเด็กคนแรกว่าทำไมถึงได้เงินทอน 2 บาท
คำตอบที่ได้ก็คือภาพในใจของเขา สำหรับเงิน 10 บาทคือ เหรียญห้า 2 เหรียญ
เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ให้เหรียญห้า 1 เหรียญ ดังนั้น จึงได้เงินทอน2 บาท
 
ถามเด็กคนที่สองว่าทำไมไม่เหลือเงินทอนเลย
 
คำตอบก็คือเด็กคนนี้คิดว่าในกระเป๋ามีเหรียญบาท 10 เหรียญ
เมื่อซื้อของราคา 3บาท เขาก็ส่งเหรียญบาทให้ 3 เหรียญ เพราะฉะนั้น คนขายจึงไม่ต้องทอนเงินให้เขา
 
โชคดีที่เป็นการถาม-ตอบในห้องเรียน ลองนึกดูสิครับว่าถ้าโจทย์นี้เป็นข้อสอบที่มีคำตอบเป็น ก-ข-ค-ง
เด็ก 2 คนนี้ก็คงไม่ได้คะแนนจากคำตอบที่ผิดเพี้ยนจากคนส่วนใหญ่
 
การสร้างโจทย์ที่ เสมือนจริง จินตนาการของครู อาจถูกจำกัดเพียงแค่ ตัวเลข
แต่สำหรับเด็กจินตนาการของเขาไร้กรอบ 10 บาท จึงสามารถเปลี่ยนเป็นเหรียญสิบ เหรียญห้า หรือเหรียญบาท
 
เมืองไทยมีเหรียญ 2 บาท เราจึงได้คำตอบเพิ่มอีก 1 คำตอบ คือ ได้เงินทอน 1 บาท
 
โลกในห้องเรียนกับโลกของความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน โลกในห้องเรียนทุกคำถาม ส่วนใหญ่มีเพียง 1 คำตอบ
แต่โลกของความเป็นจริง ทุกคำถามอาจมีคำตอบที่ถูกต้องได้เกิน 1 คำตอบ